ความแตกต่างของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ไบโอแก๊ส และ ดีเซล 

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าไปโบแก๊สกับดีเซลต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ไบโอแก๊ส และ ดีเซล

เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) คืออุปกรณ์ที่แปลงพลังงานกลให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า ผ่านหลักการของการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Induction) โดยทั่วไปเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้เชื้อเพลิง เช่น ดีเซล หรือก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) เพื่อขับเคลื่อนชุดเจนเนอเรเตอร์ให้ผลิตกระแสไฟฟ้า

ประเภทของเครื่องกำเนิดไฟฟ้ายอดนิยม

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าไบโอแก๊ส (Biogas Generator)


เครื่องกำเนิดไฟฟ้าไบโอแก๊ส เป็นเครื่องปั่นไฟที่ใช้พลังงานจากก๊าซชีวภาพ ซึ่งได้จากการหมักเศษอาหาร มูลสัตว์ หรือของเสียอินทรีย์ต่าง ๆ ผ่านกระบวนการย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Digestion) มีจุดเด่นที่ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าประเภทนี้จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ปล่อยคาร์บอนมากเท่าเครื่องยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิล ประหยัดต้นทุนระยะยาว หากมีแหล่งผลิตไบโอแก๊สเองจะช่วยลดค่าเชื้อเพลิงได้มากและ เหมาะกับฟาร์ม/โรงงานเกษตร สามารถใช้ของเสียที่มีอยู่แล้วผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ  แต่ไม่เหมาะกับการใช้งานเคลื่อนที่ เพราะมีระบบค่อนข้างซับซ้อนและมีขนาดใหญ่

การใช้งานที่เหมาะสม

    • ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดกลางถึงใหญ่
    • โรงงานแปรรูปอาหาร
    • ศูนย์จัดการขยะอินทรีย์
    • โครงการพลังงานหมุนเวียน

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล (Diesel Generator)

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล

เครื่องปั่นไฟดีเซล ใช้น้ำมันดีเซลในการเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ เพื่อขับเคลื่อนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ถือเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากในภาคอุตสาหกรรม มีความทนทานต่อการใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานเหมาะสำหรับงานหนัก สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีระบบไฟฟ้าจากการไฟฟ้า แต่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าประเภทนี้จะเสียงดังและปล่อยควันจำให้ไม่เหมาะกับพื้นที่อยู่อาศัยหรือใกล้ชุมชน และใช้ต้นทุนเชื้อเพลิงสูงกว่าระบบพลังงานหมุนเวียน

การใช้งานที่เหมาะสม

  • ไซต์ก่อสร้าง
  • โรงงานอุตสาหกรรม
  • โรงพยาบาล หรืออาคารที่ต้องการระบบไฟสำรอง
  • พื้นที่ห่างไกลไม่มีระบบสายไฟฟ้าเข้าถึง

วิธีเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้เหมาะกับการใช้งาน

การเลือกซื้อ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ไม่ใช่แค่เรื่องของราคา หรือยี่ห้อเท่านั้น แต่ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะ ความเหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน เพื่อให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และไม่ต้องเสียค่าซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนเครื่องบ่อย ๆ มาดูกันว่าปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณามีอะไรบ้าง

  1. กำลังไฟฟ้าที่ต้องการ (Watt หรือ KVA) รู้ก่อนว่าใช้ไฟเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้เครื่องเกินกำลัง หนึ่งในข้อผิดพลาดที่คนมักมองข้ามคือการเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีกำลังไฟไม่พอ ทำให้เครื่องทำงานหนักเกินไปจนร้อนหรือพังง่าย 
  2. ประเภทของงานที่ใช้งาน ลักษณะงานคือ ตัวกำหนดประเภทเครื่องที่เหมาะสมการใช้งานแบบต่างกันต้องการเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่แตกต่างกัน เช่น
  • งานต่อเนื่อง (Continuous Load) ใช้งานหลายชั่วโมงต่อวัน หรือใช้งานทั้งวันทุกวัน เช่น ฟาร์ม โรงงาน อาคารสำนักงาน หรือไซต์ก่อสร้าง จะเหมาะกับ เครื่องดีเซล หรือไบโอแก๊ส เพราะรองรับโหลดหนักได้ดี 
  • งานชั่วคราว (Temporary Use) ใช้งานไม่บ่อย ใช้เฉพาะเวลาไฟดับ งานอีเวนต์ หรือออกบูธ ต้องการเครื่องขนาดเล็ก พกพาสะดวกเครื่องกำเนิดไฟที่เหมาะก็คือเครื่องดีเซล เพราะใช้งานง่าย
  1. พื้นที่ติดตั้งและสภาพแวดล้อม รู้ว่าติดตั้งตรงไหน เพื่อเลือกขนาดและชนิดให้พอดีการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าต้องคำนึงถึง พื้นที่ วัสดุพื้น ความชื้น และระบบระบายอากาศ เช่น
  • ถ้ามีพื้นที่กว้าง พร้อมวางระบบแก๊สและหมักชีวภาพ เหมาะกับเครื่องไบโอแก๊ส
  • พื้นที่เปียกหรือมีฝุ่นเยอะ เช่น โรงเลี้ยงสัตว์ ควรใช้เครื่องดีเซลแบบตู้เก็บเสียง กันฝุ่น กันน้ำ

สรุป การเลือกเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้เหมาะกับอนาคตพลังงานที่ยั่งยืน

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้ง 2 ประเภท มีข้อดีข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป หากคุณต้องการระบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดของเสียในพื้นที่ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าไบโอแก๊สคือตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับยุคพลังงานสีเขียว หากคุณต้องการกำลังไฟฟ้าที่เสถียรและใช้งานหนัก เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลคือคำตอบ และถ้าคุณต้องการความคล่องตัวหรือใช้เพียงชั่วคราว แต่หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกเครื่องแบบไหนดี หรืออยากได้คำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบ ติดตั้ง หรือคำนวณกำลังไฟที่เหมาะสมกับบ้านหรือธุรกิจของคุณ